สาเหตุของ Bitcoin ทะลุ 10,000 ดอลลาร์ คืออะไร? Coronavirus หรือการ FOMO เรื่อง Halving

ข้อมูลจาก CryptoCompare ระบุถึงราคา Bitcoin ที่พุ่งทะลุ 10,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2019 ตามภาพกราฟราคา 6 เดือนด้านล่าง:

การทะลุผ่าน 10,000 ดอลลาร์ ครั้งนี้เป็นเพราะคนหันมาซื้อ Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยงของการระบาดของโรค coronavirus หรือเกิดจาก Fear of Missing Out (FOMO) จากการที่ Bitcoin กำลังจะมีการ Halving หรือทั้งสองอย่าง?

แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะฟันธงว่าปัจจัยทั้งสองอย่างข้างต้นมีอิทธิพลมากที่สุดต่อราคาของ Bitcoin แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวกับผลกระทบของการระบาดของโคโรนาไวรัสต่อเศรษฐกิจจีน - อันเป็นผลมาจากการปิดร้านค้า / โรงงานต่าง ๆ ชั่วคราว - และไม่ใช่แค่สำหรับเศรษฐกิจจีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจโลกด้วย

เมื่อวันศุกร์ (7 กุมภาพันธ์) บลูมเบิร์กรายงานว่า Apple ได้ขยายการปิดร้านค้าปลีกส่วนใหญ่จนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นอกจากนี้ในวันเสาร์ (8 กุมภาพันธ์) กลุ่มบริษัทข้ามชาติของจีน Tencent Holdings Ltd ประกาศปิดสำนักงานจนถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ (และอาจมากกว่านั้น):

https://twitter.com/DoveyWan/status/1226228964059840512

ในวันเดียวกันนั้น Dovey Wan ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Primitive Ventures ชี้ให้เห็นว่าหากจีนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทุกประเทศได้อีกด้วย ดังนั้นเราจึงมองเห็นว่าบางคนในประเทศจีนและที่อื่น ๆ กำลังซื้อทองคำและ / หรือ Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นของโลก หรือใช้เป็น stores of value

Bitcoin Halving ในอีกไม่ถึง 100 วัน

อีกเรื่องหนึ่งคือการใกล้เข้ามาของ Bitcoin halving ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นใน 92 วันนับจากนี้ (ประมาณ 12 พฤษภาคม) ซึ่งจะลดรางวัลการขุดลงครึ่งหนึ่งและทำให้เกิดการถกเถียงในเรื่องของราคาว่าจะมีผลกระทบหรือไม่ แต่ก็ไม่อาจหาข้อสรุปที่แท้จริงได้

เมื่อเราเข้าใกล้วัน halving เข้าไปเรื่อย ๆ เราอาจได้พบเห็นรายงานข่าวเรื่องนี้ในสื่อกระแสหลัก (เช่น CNBC หรือ Wall Street Journal ) และสิ่งนี้จะสามารถกระตุ้นความ FOMO ให้แพร่หลายมากขึ้นในหมู่นักลงทุนรายย่อย

นอกจากนี้เมื่อราคา Bitcoin สูงกว่า $10K อีกครั้ง ทวีตที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin จากผู้มีอิทธิพลใน crypto ก็จะเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะช่วยสร้างความ FOMO ในหมู่ชุมชน Bitcoin ก็เป็นได้

https://twitter.com/winklevoss/status/1225036344247844870

ที่มา : LINK