Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

July 7, 2025
ข่าว
1
min read

จีนเร่งเครื่องผลิตชิป ส่อแซงไต้หวัน ขึ้นแท่นมหาอำนาจเซมิคอนดักเตอร์โลกภายในปี 2030

จีนกำลังเร่งพัฒนาขีดความสามารถด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์อย่างไม่หยุดยั้ง โดยมีแนวโน้มจะแซงไต้หวัน กลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพการผลิต “ชิป” มากที่สุดในโลกภายในปี 2030 จากรายงานล่าสุดของ Yole Group ซึ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมชิปของจีนเติบโตเร็วอย่างก้าวกระโดด สวนทางกับข้อจำกัดจากการแบนเทคโนโลยีโดยสหรัฐฯ และไต้หวัน

การขยายตัวของกำลังผลิตชิปจีน

Yole Group คาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 จีนจะครองส่วนแบ่งกำลังการผลิตชิปทั่วโลกถึง 30% เพิ่มขึ้นจาก 21% ในปี 2024 แซงหน้าไต้หวันซึ่งมีส่วนแบ่งที่ 23% ในปัจจุบัน ส่วนประเทศอื่น ๆ อย่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ตามมาในอันดับรองลงมา

ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐผ่านกองทุนพัฒนาอุตสาหกรรม IC หรือที่รู้จักในชื่อ Big Fund ซึ่งสนับสนุนบริษัทชั้นนำในประเทศอย่าง SMIC และ Hua Hong Semiconductor

ในปี 2024 เพียงปีเดียว การผลิตแผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนในจีนเพิ่มขึ้นถึง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีโรงงานใหม่ ๆ เช่น โรงงาน 12 นิ้วของ Hua Hong ในเมือง Wuxi เข้ามาเสริมทัพกำลังการผลิต

แรงกดดันจากภูมิรัฐศาสตร์

การเร่งพัฒนาครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันและสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น ล่าสุด ไต้หวันประกาศควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีชิปขั้นสูง ไปยังบริษัทจีนหลายราย เช่น Huawei และ SMIC ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ในการสกัดไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ล้ำสมัย

ภายใต้กฎใหม่ รัฐบาลไต้หวันจะต้องอนุมัติการส่งออกเทคโนโลยีชั้นสูงไปยังบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ซึ่งสร้างแรงกดดันให้จีนต้องพึ่งพานวัตกรรมในประเทศอย่างเต็มที่

ผลกระทบต่อวงการ AI และคริปโต

ชิปเซมิคอนดักเตอร์ถือเป็นหัวใจหลักของวงการเทคโนโลยี ทั้งด้าน AI, Blockchain, และ การขุด Bitcoin หากจีนสามารถยืนด้วยขาของตัวเองในด้านการผลิตชิปขั้นสูงได้สำเร็จ จะส่งผลให้ต้นทุนของผู้เล่นในประเทศลดลง และมีความมั่นคงด้านซัพพลายเชนมากขึ้น

แม้การขาดเทคโนโลยีชั้นนำจากไต้หวันจะเป็นอุปสรรค แต่บริษัทจีนอย่าง Huawei และ SMIC ก็พยายามพัฒนาชิป AI ของตนเอง เพื่อแข่งกับผู้เล่นระดับโลก

สำหรับวงการคริปโต หากจีนสามารถผลิตชิปขุดคุณภาพสูงได้เอง ก็อาจทำให้ผู้ขุด BTC ในประเทศสามารถแข่งขันด้านพลังประมวลผลและต้นทุนได้ดีขึ้น ส่งผลต่อความมั่นคงของเครือข่าย และอาจพลิกเกมอุตสาหกรรมได้ในอนาคต

อ้างอิง : cryptoslate.com

ข่าวที่คุณอาจสนใจ