Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
นักวิเคราะห์จาก Blockware อย่าง Mitchell Askew เชื่อว่าการเปิดตัวกองทุน ETF ที่อิงกับ Bitcoin ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบตลาดอย่างถาวร โดยระบุว่า “ตลาดกระทิงแบบพุ่งพรวด” และ “ตลาดหมีที่รุนแรง” ของ Bitcoin อาจไม่มีอีกต่อไป
“BTC/USD ดูเหมือนเป็นสินทรัพย์คนละตัวเลยเมื่อเทียบก่อนและหลัง ETF” เขากล่าว พร้อมโชว์กราฟที่แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของราคาที่ลดลงอย่างมากหลังจาก Bitcoin ETF เปิดตัวในสหรัฐฯ ช่วงเดือนมกราคม 2024
Askew เสริมว่า Bitcoin กำลังมุ่งหน้าไปสู่ราคา $1,000,000 ภายใน 10 ปีข้างหน้า แต่ไม่ใช่แบบพุ่งแรงเหมือนที่ผ่านมา หากจะเกิดก็จะเป็นการ “ขึ้นสลับกับนิ่งนาน” จนนักลงทุนสายเก็งกำไรเริ่มเบื่อและออกจากตลาดไปเอง
Eric Balchunas นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Bloomberg ETF เห็นพ้องว่า ความผันผวนที่ลดลงทำให้ Bitcoin ดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ได้มากขึ้น พร้อมชี้ว่า “มันเพิ่มโอกาสให้ Bitcoin ถูกใช้งานจริงในฐานะสกุลเงิน” อย่างไรก็ตาม เขาก็เตือนว่าอาจไม่มี “God Candle” หรือแท่งเทียนพุ่งทะลุฟ้าแบบในอดีตให้เห็นอีกแล้ว
การมีอยู่ของ Bitcoin ETF กำลังเปลี่ยนทิศทางของตลาด เพราะเป็นการดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม ผ่านช่องทางที่ไม่สามารถแลกกลับมาเป็น Bitcoin ได้โดยตรง และไม่อยู่บนบล็อกเชน ซึ่งส่งผลให้เงินลงทุนไม่ไหลเวียนต่อไปยัง Altcoin หรือโปรเจกต์อื่น ๆ เหมือนในรอบตลาดก่อนหน้า
แม้ยอดการไหลเข้าของเงินทุนใน Bitcoin ETF จะทะลุ $50 พันล้านดอลลาร์แล้วในเดือนกรกฎาคม แต่ข้อมูลชี้ว่า สิ่งนี้ไม่ได้กระตุ้นกิจกรรมบนเครือข่ายบล็อกเชนให้เพิ่มขึ้นตาม
นักวิเคราะห์มองว่า นักลงทุนรายย่อยเริ่มเปลี่ยนไปลงทุนผ่าน ETF แทนที่จะถือครอง Bitcoin ด้วยตัวเอง โดยอาศัยผู้จัดการกองทุนหรือตัวแทนที่ดูแลให้ ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดคริปโต
ปัจจุบัน BlackRock ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ออก Bitcoin ETF รายใหญ่ ถือครอง Bitcoin คิดเป็น 3% ของอุปทานทั้งหมดแล้ว สร้างความกังวลเรื่องการรวมศูนย์ในตลาดคริปโตมากขึ้น
อ้างอิง: cointelegraph.com
ภาพ seekingalpha.com