Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้า 25–40% เริ่มมีผล 1 สิงหาคมนี้ โดยไทยโดนเรียกเก็บอัตราสูงถึง 36% ร่วมกับกัมพูชา ขณะญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้รับอัตรา 25% เท่ากับที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
การประกาศครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “Reciprocal Tariffs” ที่ทรัมป์ผลักดันมาตั้งแต่เมษายน โดยอ้างว่าสหรัฐฯ ควรเก็บภาษีในอัตราเท่ากับที่ประเทศคู่ค้าเก็บกับสินค้าอเมริกัน
ทำไมไทยโดนหนัก? ไม่มีคำอธิบายอย่างเป็นทางการจากฝั่งสหรัฐฯ โดยโฆษกทำเนียบขาวระบุเพียงว่า “เป็นสิทธิ์ของประธานาธิบดี” ที่จะเลือกประเทศที่ต้องการขึ้นภาษี
หลังประกาศขึ้นภาษี หุ้นทั่วโลกดิ่งทันที:
หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น เช่น Toyota และ Honda ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ร่วงแรงทันทีที่ข่าวเผยแพร่ออกมา
ทรัมป์ส่ง “จดหมายแจ้งเตือน” ไปยังราว 12 ประเทศว่า หากประเทศใดขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐฯ เขาจะเพิ่มภาษีของประเทศนั้น ตามจำนวนที่ฝ่ายนั้นขึ้น ทันที
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวยืนยันว่าทรัมป์จะลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเลื่อนการเก็บภาษีจริงไปจนถึง 1 สิงหาคม เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ มีเวลาต่อรอง
แม้ทรัมป์ใช้อำนาจประธานาธิบดีผ่าน กฎหมาย IEEPA ในการออกภาษี แต่ศาลการค้าสหรัฐฯ ตัดสินเมื่อปลายพฤษภาคมว่า ภาษีจำนวนมากที่เขาประกาศ ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย แม้จะมีการอุทธรณ์และได้ขยายเวลาบังคับใช้ไปจนถึง 31 กรกฎาคม แต่ความไม่แน่นอนก็ยิ่งกดดันตลาด
ทรัมป์ยังใช้กฎหมายอีกตัวคือ Section 232 เพื่อเก็บภาษีเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก รถยนต์ และอะลูมิเนียม และเตรียมขยายไปยังสินค้าอีกหลายประเภท หากภาษี IEEPA ถูกศาลสั่งระงับถาวร
นักวิเคราะห์จาก Apollo Global Management คาดว่า หากทรัมป์เก็บภาษีตามแผนทั้งหมด อัตราภาษีนำเข้าเฉลี่ยของสหรัฐฯ จะพุ่งจาก ต่ำกว่า 3% เป็นเกือบ 20% ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก และอาจดัน เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ให้เร่งตัวขึ้นในเดือนถัดไป
นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังต้องจับตาผลกระทบจากราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ว่าอาจขัดขวางการลดดอกเบี้ยในระยะสั้นหรือไม่
อ้างอิง : bangkokpost.com
ภาพ bangkokpost.com