Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
ธนาคารระดับโลก Standard Chartered แสดงจุดยืน "บูลิช" ต่อ Bitcoin อย่างชัดเจน โดยชี้ว่าราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ หนุนด้วยแรงซื้อจากบริษัทเอกชนและกระแสเงินไหลเข้าสู่กองทุน ETF ที่แข็งแกร่ง
ในรายงานล่าสุดที่ส่งถึง Cointelegraph เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Geoff Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ Standard Chartered ระบุว่า ธนาคารคาดว่า ราคา Bitcoin จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ $135,000 ภายในไตรมาส 3 นี้ และมีแนวโน้มพุ่งขึ้นทะลุ $200,000 ภายในสิ้นปี 2025
“ด้วยกระแสเงินลงทุนที่แข็งแรง เราเชื่อว่า BTC ได้หลุดพ้นจากวัฏจักรราคาที่จะร่วงลงหลังการ Halving แบบเดิมไปแล้ว” — Geoff Kendrick, Standard Chartered
ในบทวิเคราะห์ล่าสุด Kendrick เน้นว่า รูปแบบราคาที่เกิดจาก “Halving Cycle” ซึ่งเป็นวัฏจักรที่เกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปี โดยจะลดรางวัลของนักขุด Bitcoin ลงครึ่งหนึ่งนั้น อาจไม่ส่งผลเท่าเดิมในรอบนี้ ต่างจากช่วงปี 2016 และ 2020 ที่หลังจาก Halving ประมาณ 18 เดือน ราคามักปรับฐานแรง
อย่างไรก็ตาม Kendrick มองว่า Halving เดือนเมษายน 2024 จะไม่เดินตามรอยเดิม เพราะมีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดอย่าง:
ทั้งสองปัจจัยนี้ไม่เคยเกิดขึ้นใน Halving รอบก่อน ๆ ซึ่งส่งผลให้การวิเคราะห์ราคาในรอบนี้ต้องปรับมุมมองใหม่
แม้จะมีปัจจัยสนับสนุนในระยะยาว Standard Chartered ก็ยังเตือนว่า ราคาของ Bitcoin อาจมีความผันผวน ในช่วงปลายไตรมาส 3 ถึงต้นไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงที่ตามสถิติจาก Halving เดิม ราคามักเผชิญแรงขาย
แต่โดยรวม ธนาคารยังคงมั่นใจว่าแนวโน้มขาขึ้นจะกลับมาอย่างชัดเจน
ข้อมูลล่าสุดจาก SoSoValue ระบุว่า กองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มียอดไหลออกสุทธิ $342.3 ล้านดอลลาร์ในวันอังคารที่ผ่านมา นับเป็นวันแรกที่มีการไหลออก หลังจากมีเงินไหลเข้าสะสมต่อเนื่องนานถึง 15 วัน
อย่างไรก็ตาม Kendrick ชี้ว่า ในไตรมาส 2 เพียงไตรมาสเดียว มีกระแสเงินจาก ETF และการซื้อของบริษัทต่าง ๆ รวมกว่า 245,000 BTC ซึ่งเขาคาดว่า ตัวเลขในไตรมาส 3 และ 4 จะยิ่งสูงขึ้นกว่านี้อีก
นอกจากการคาดการณ์ระยะสั้นที่ระบุว่า BTC จะพุ่งเกิน $200,000 ในปีนี้แล้ว Standard Chartered ยัง คงมุมมองบวกต่อราคาของ Bitcoin ในระยะยาว โดยตั้งเป้าระดับ $500,000 ภายในปี 2028
สิ่งนี้สะท้อนถึงความมั่นใจของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่เชื่อว่า Bitcoin กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์หลักในระบบการเงินโลก และกระแสเงินทุนสถาบันจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักในระยะต่อไป
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ coinjournal.net