Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
Paul Atkins ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เปิดเผยว่า หน่วยงานกำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อขยายโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนใน Private Equity และสินทรัพย์ทางเลือกได้อย่างเท่าเทียมกับสถาบันการเงินและกองทุนบำนาญขนาดใหญ่
Atkins ระบุว่า คำสั่งฝ่ายบริหารล่าสุดของทรัมป์ ที่อนุญาตให้ใส่คริปโตและสินทรัพย์ทางเลือกในบัญชีเกษียณ 401K เป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ SEC และกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ต้องร่วมมือกันเพื่อทำให้แนวคิดนี้เกิดขึ้นจริง
“ไม่ยุติธรรมที่กองทุนขนาดใหญ่สามารถลงทุนได้หลากหลายทั้งตลาดหุ้นและ Private Equity แต่ 401K ของคนทั่วไปกลับทำไม่ได้” — Atkins กล่าว
อย่างไรก็ตาม เขาเน้นว่าจำเป็นต้องมี “รั้วป้องกัน” เพื่อปกป้องนักลงทุนจากความเสี่ยงเกินจำเป็น
การเปิดประตูสู่ Private Equity หมายความว่า นักลงทุนรายย่อยจะสามารถเข้าถึง โครงการคริปโตระยะเริ่มต้น (Early-stage crypto projects) และ Private Token Sale ที่ปกติสงวนไว้ให้กับนักลงทุนสถาบันหรือ Accredited Investor เท่านั้น
แม้ว่า SEC จะปรับปรุงนิยามของ Accredited Investor ในปี 2020 เพื่อเน้นความรู้และทักษะทางการเงินมากกว่ามูลค่าทรัพย์สิน แต่กฎปัจจุบันก็ยังถูกมองว่าจำกัดและปิดกั้นโอกาสของนักลงทุนทั่วไป
แม้การเปิดเสรีจะเป็นข่าวดี แต่การลงทุนในธุรกิจเอกชนมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลตามข้อกำหนดเหมือนบริษัทมหาชน และมักขาดสภาพคล่อง นอกจากนี้ หากเกิดการลงทุนผิดพลาดหรือใช้เงินกู้เกินตัว อาจสร้างแรงกระเพื่อมไปยังตลาดการเงินวงกว้างได้
สรุป: หากแผนนี้เกิดขึ้นจริง นักลงทุนรายย่อยในสหรัฐฯ อาจได้เห็นโอกาสลงทุนในสินทรัพย์คริปโตและ Private Equity เพิ่มขึ้นอย่างมาก ผ่านช่องทางอย่าง 401K แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่มาพร้อมโอกาสเหล่านี้
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ wsj.com