Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

August 8, 2025
ข่าว
1
min read

JPMorgan ชี้สถาบันการเงินยังเมิน DeFi และโทเคนไนซ์ แม้พัฒนามาหลายปี

แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานของ Decentralized Finance (DeFi) และ การโทเคนไนซ์สินทรัพย์ (Asset Tokenization) จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่การยอมรับจากสถาบันการเงินกลับยังคงจำกัด ตามรายงานล่าสุดของทีมวิเคราะห์ JPMorgan ที่นำโดย Nikolaos Panigirtzoglou พบว่า มูลค่ารวมที่ถูกล็อกใน DeFi (TVL) ยังไม่สามารถกลับไปถึงระดับสูงสุดในปี 2021 หลังจากการล่มสลายของตลาดในปี 2022 และผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มรายย่อยหรือผู้ที่อยู่ในวงการคริปโตเดิม ขณะที่สถาบันการเงินดั้งเดิมมีการเข้าร่วมน้อยมาก แม้จะมีการพัฒนาเครื่องมือที่รองรับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ เช่น KYC-gated vaults และระบบกู้ยืมแบบ permissioned

JPMorgan ระบุว่าสาเหตุหลักที่ทำให้สถาบันการเงินยังไม่เข้ามาอย่างจริงจังคือ การขาดความสอดคล้องของกฎระเบียบระหว่างประเทศ ความไม่ชัดเจนด้านกฎหมายในการลงทุนบนบล็อกเชน และความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความน่าเชื่อถือของสัญญาอัจฉริยะ ทำให้การลงทุนของสถาบันยังคงกระจุกตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์เป็นหลัก

ในส่วนของการโทเคนไนซ์ แม้จะได้รับความสนใจอย่างมาก แต่มูลค่ารวมของสินทรัพย์ที่ถูกโทเคนไนซ์อยู่ที่ราว 25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อย และส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนโดยบริษัทคริปโตและเฮดจ์ฟันด์ ตัวอย่างเช่น พันธบัตรที่ถูกโทเคนไนซ์กว่า 60 ฉบับ มูลค่ารวม 8 พันล้านดอลลาร์ แต่กลับแทบไม่มีการซื้อขายในตลาดรอง ทำให้ยังคงอยู่ในระดับ “ทดลอง” มากกว่าการใช้งานจริง แม้ตลาด Private Credit ที่โทเคนไนซ์จะมีมูลค่าราว 15 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังคงกระจุกตัวอยู่ในไม่กี่ผู้เล่นและไม่มีสภาพคล่องรองที่แท้จริง

นักลงทุนดั้งเดิมหลายรายยังมองว่าระบบการเงินในปัจจุบันที่ได้รับการพัฒนาด้วยฟินเทคมีความรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำเพียงพอ จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้บล็อกเชน นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าความโปร่งใสของบล็อกเชนอาจทำให้กลยุทธ์การซื้อขายถูกเปิดเผย ต่างจากตลาดแบบ Dark Pools ที่สามารถปกปิดข้อมูลได้ อีกทั้งในสินทรัพย์ส่วนตัวอย่าง Private Equity หรือ Private Credit นักลงทุนมักถือจนครบกำหนดและไม่ต้องการความผันผวนจากการตีราคาแบบเรียลไทม์ ทำให้ไม่เห็นความจำเป็นในการโทเคนไนซ์สินทรัพย์เหล่านี้

JPMorgan สรุปว่า ความก้าวหน้าใน DeFi และการโทเคนไนซ์ยังถือว่าน่าผิดหวัง เนื่องจากไม่เพียงมีอุปสรรคด้านกฎระเบียบและกฎหมาย แต่ยังมาจากการที่นักลงทุนสถาบันยังไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของเทคโนโลยีเหล่านี้ แม้กระนั้น JPMorgan ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมผ่านหน่วยธุรกิจบล็อกเชน Kinexys ซึ่งครอบคลุมทั้งระบบชำระเงินดิจิทัล การโทเคนไนซ์สินทรัพย์ และโครงข่ายข้อมูลการชำระเงินแบบปิด

อ้างอิง : theblock.co
ภาพ theblock.co

ข่าวที่คุณอาจสนใจ