Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานของ Decentralized Finance (DeFi) และ การโทเคนไนซ์สินทรัพย์ (Asset Tokenization) จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่การยอมรับจากสถาบันการเงินกลับยังคงจำกัด ตามรายงานล่าสุดของทีมวิเคราะห์ JPMorgan ที่นำโดย Nikolaos Panigirtzoglou พบว่า มูลค่ารวมที่ถูกล็อกใน DeFi (TVL) ยังไม่สามารถกลับไปถึงระดับสูงสุดในปี 2021 หลังจากการล่มสลายของตลาดในปี 2022 และผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มรายย่อยหรือผู้ที่อยู่ในวงการคริปโตเดิม ขณะที่สถาบันการเงินดั้งเดิมมีการเข้าร่วมน้อยมาก แม้จะมีการพัฒนาเครื่องมือที่รองรับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ เช่น KYC-gated vaults และระบบกู้ยืมแบบ permissioned
JPMorgan ระบุว่าสาเหตุหลักที่ทำให้สถาบันการเงินยังไม่เข้ามาอย่างจริงจังคือ การขาดความสอดคล้องของกฎระเบียบระหว่างประเทศ ความไม่ชัดเจนด้านกฎหมายในการลงทุนบนบล็อกเชน และความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความน่าเชื่อถือของสัญญาอัจฉริยะ ทำให้การลงทุนของสถาบันยังคงกระจุกตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์เป็นหลัก
ในส่วนของการโทเคนไนซ์ แม้จะได้รับความสนใจอย่างมาก แต่มูลค่ารวมของสินทรัพย์ที่ถูกโทเคนไนซ์อยู่ที่ราว 25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อย และส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนโดยบริษัทคริปโตและเฮดจ์ฟันด์ ตัวอย่างเช่น พันธบัตรที่ถูกโทเคนไนซ์กว่า 60 ฉบับ มูลค่ารวม 8 พันล้านดอลลาร์ แต่กลับแทบไม่มีการซื้อขายในตลาดรอง ทำให้ยังคงอยู่ในระดับ “ทดลอง” มากกว่าการใช้งานจริง แม้ตลาด Private Credit ที่โทเคนไนซ์จะมีมูลค่าราว 15 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังคงกระจุกตัวอยู่ในไม่กี่ผู้เล่นและไม่มีสภาพคล่องรองที่แท้จริง
นักลงทุนดั้งเดิมหลายรายยังมองว่าระบบการเงินในปัจจุบันที่ได้รับการพัฒนาด้วยฟินเทคมีความรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำเพียงพอ จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้บล็อกเชน นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าความโปร่งใสของบล็อกเชนอาจทำให้กลยุทธ์การซื้อขายถูกเปิดเผย ต่างจากตลาดแบบ Dark Pools ที่สามารถปกปิดข้อมูลได้ อีกทั้งในสินทรัพย์ส่วนตัวอย่าง Private Equity หรือ Private Credit นักลงทุนมักถือจนครบกำหนดและไม่ต้องการความผันผวนจากการตีราคาแบบเรียลไทม์ ทำให้ไม่เห็นความจำเป็นในการโทเคนไนซ์สินทรัพย์เหล่านี้
JPMorgan สรุปว่า ความก้าวหน้าใน DeFi และการโทเคนไนซ์ยังถือว่าน่าผิดหวัง เนื่องจากไม่เพียงมีอุปสรรคด้านกฎระเบียบและกฎหมาย แต่ยังมาจากการที่นักลงทุนสถาบันยังไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของเทคโนโลยีเหล่านี้ แม้กระนั้น JPMorgan ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมผ่านหน่วยธุรกิจบล็อกเชน Kinexys ซึ่งครอบคลุมทั้งระบบชำระเงินดิจิทัล การโทเคนไนซ์สินทรัพย์ และโครงข่ายข้อมูลการชำระเงินแบบปิด
อ้างอิง : theblock.co
ภาพ theblock.co