อินโดนีเซียเริ่มสนใจใช้ Bitcoin เป็น “สินทรัพย์สำรอง” แม้ขึ้นภาษีคริปโตเพิ่มสองเท่า

แม้รัฐบาลอินโดนีเซียเพิ่งปรับขึ้นภาษีคริปโตทั้งฝั่งผู้ซื้อขายและนักขุดแบบเท่าตัว แต่ดูเหมือนประเทศหมู่เกาะใหญ่นี้จะเริ่มมีแผนใหญ่ในใจเกี่ยวกับ Bitcoin มากกว่าที่หลายคนคิด

เข้าพบรองนายกฯ เพื่อเสนอแนวคิด Bitcoin ระดับประเทศ

บัญชีทางการของ Bitcoin Indonesia ได้โพสต์ว่า พวกเขาได้รับเชิญให้เข้าพบเจ้าหน้าที่จากสำนักงานรองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กีบราน รากาบูหมิง รากา เพื่อเสนอแนวคิดการใช้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองแห่งชาติ

หนึ่งในแนวคิดที่พูดถึงคือการใช้ เหมืองขุด Bitcoin (Bitcoin Mining) เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์สำรองประเทศ โดยอิงจากศักยภาพด้านพลังงานสะอาดของอินโดนีเซีย ทั้ง พลังน้ำ (Hydro) และ พลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal)

“Landfill เป็น Vault” ฉบับอินโดนีเซีย?

Bitcoin Indonesia ยังนำเสนอแนวคิดของ Michael Saylor ที่ประเมินว่า Bitcoin อาจแตะระดับ 13 ล้านดอลลาร์ในปี 2045 (กรณีฐาน) และ 49 ล้านดอลลาร์ในกรณีตลาดกระทิง ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่า BTC อาจเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าทวีคูณในระยะยาว

การศึกษาเป็นกุญแจสำคัญ

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานรองนายกฯ ยังแสดงความเห็นว่า “อินโดนีเซียจำเป็นต้องเดินหน้าสร้างความเข้าใจเรื่อง Bitcoin อย่างต่อเนื่อง” ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของหลายประเทศที่เริ่มลงทุนด้านความรู้ควบคู่กับนโยบายเชิงเศรษฐกิจ

เหตุใดอินโดนีเซียถึงคิดเรื่องนี้ตอนนี้?

แม้ปัจจุบันอินโดนีเซียจะยังไม่ประสบปัญหาเศรษฐกิจรุนแรง โดยมี อัตราหนี้ต่อ GDP ที่ 39% และ เงินเฟ้อเพียง 0.76% แต่การมองล่วงหน้าเรื่องการจัดการทุนสำรอง ก็อาจเป็นหมากที่ใช้ลดความเสี่ยงในอนาคต

อีกด้านหนึ่ง…ภาษีคริปโตพุ่งแรง

• ตั้งแต่ 2 ส.ค. เป็นต้นไป ภาษีรายได้จากการขายคริปโตบนแพลตฟอร์มในประเทศเพิ่มจาก 0.1% เป็น 0.21%
• การซื้อขายผ่านเว็บต่างประเทศโดนเพิ่มจาก 0.2% เป็น 1%
• ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขุดคริปโตเพิ่มจาก 1.1% เป็น 2.2%

แม้รัฐจะอนุญาตให้ซื้อขายคริปโตได้ แต่ยังห้ามใช้ชำระเงิน และยืนยันในปี 2023 ว่าหากนักท่องเที่ยวฝ่าฝืน ก็จะถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Cointelegraph พบว่ายังมีหลายร้านในบาหลีที่เปิดรับ Bitcoin อย่างเปิดเผย

‍

อ้างอิง : cointelegraph.com