Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
FTX Recovery Trust หรือกองทุนฟื้นฟูของ FTX ได้เริ่มต้น การจ่ายเงินคืนรอบที่สอง ให้กับเจ้าหนี้ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2025 โดยยอดรวมของการจ่ายคืนในรอบนี้สูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์ ครอบคลุมเจ้าหนี้ในกลุ่ม “Convenience” และ “Non-Convenience” ที่ได้ดำเนินการตามข้อกำหนดล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว
จากประกาศเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีการแจกแจงรายละเอียดการจ่ายเงินดังนี้:
เงินจะถูกโอนผ่านพาร์ตเนอร์หลักคือ Kraken และ BitGo โดยเจ้าหนี้ส่วนใหญ่จะได้รับเงินภายใน 1–2 วันทำการ
นักลงทุนและผู้เก็งกำไรในวงการคริปโตจับตามองการจ่ายเงินคืนของ FTX อย่างใกล้ชิด เพราะการคืนเงินจำนวนมหาศาลอาจทำให้เกิด แรงขายหรือการโยกย้ายสภาพคล่อง ที่กระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาด หากผู้รับเงินนำไปแลกเปลี่ยนในแพลตฟอร์มสำหรับรายย่อย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2025 FTX ได้จ่ายเงินคืนรอบแรกให้กับเจ้าหนี้ที่มี ยอดเคลมต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ รวมทั้งสิ้น 1.2 พันล้านดอลลาร์
Alvin Kan ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Bitget Wallet ให้ความเห็นว่า “เงินจำนวนมากจากรอบแรกมีแนวโน้มจะถูกนำกลับเข้าตลาดคริปโต” ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นสภาพคล่องในตลาดได้ในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม แผนการจ่ายเงินคืนของ FTX ยังจุดชนวนความไม่พอใจในกลุ่มเจ้าหนี้หลายราย เนื่องจากการคำนวณยอดเงินคืนอิงตาม ราคาคริปโตในวันยื่นคำร้องต่อศาล ไม่ใช่ราคาปัจจุบัน ซึ่งทำให้เจ้าหนี้ได้รับเงินเพียง 10–25% ของมูลค่าที่แท้จริง ณ ราคาตลาดวันนี้
Sunil Kavuri เจ้าหนี้รายหนึ่ง เปิดเผยว่าศาลและผู้ดูแลกระบวนการล้มละลายยืนยันว่าจะอิงราคาจากช่วง "Crypto Winter" ซึ่งขณะนั้น Bitcoin มีราคาเพียง ประมาณ 16,000 ดอลลาร์ เท่านั้น
นอกจากอัตราการจ่ายเงินที่น้อยกว่าความเป็นจริง ยังมีประเด็นที่ เจ้าหนี้จาก 163 ประเทศ ไม่ได้รับสิทธิ์คืนเงินเลย โดยรวมถึงประเทศอย่าง อียิปต์, อิหร่าน, รัสเซีย, กรีนแลนด์, ปากีสถาน และอีกหลายประเทศที่ถูกแบนจากการโอนเงินตามข้อบังคับ
Kavuri เคยออกมาเตือนเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยระบุว่า “ผู้ถือคริปโตจำนวนมากยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งในแง่ของมูลค่าและสิทธิ์ในการรับเงินคืน”
แม้การเริ่มต้นจ่ายเงินคืนรอบสองของ FTX จะเป็นข่าวดีสำหรับเจ้าหนี้หลายกลุ่ม แต่ก็ยังมีคำถามถึงความเป็นธรรมของการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน และการกีดกันเจ้าหนี้บางประเทศออกจากระบบการชดเชย ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึง ความซับซ้อนของการล้มละลายในอุตสาหกรรมคริปโต และผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั่วโลกอย่างชัดเจน
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ newsbit.nl