Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
ในขณะที่ Bitcoin ยังคงเดินหน้าทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง คำถามที่หลายคนสงสัยที่สุดคือ "ราคาจะไปได้ไกลแค่ไหน?"
การคาดเดาจุดสูงสุดของตลาดเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง การจะ “ซื้อถูกขายแพง” ให้ได้ ต้องอาศัยทั้งความมั่นใจและจังหวะที่แม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อมีแนวโน้มที่ราคาจะทำจุดสูงสุดใหม่ บทวิเคราะห์จากทั้งอดีตและปัจจุบันจึงมีความสำคัญ เพราะข้อมูลเก่าช่วยให้เห็นภาพรวมระยะยาว ส่วนข้อมูลใหม่สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
นักวิเคราะห์จาก VanEck, Galaxy Digital และ Fundstrat เริ่มตั้งเป้าราคาของ Bitcoin ไว้ที่ $180,000–$250,000 ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2024 ซึ่งราคาตอนนั้นเพิ่งทะลุ $90,000 โดยมีปัจจัยหนุนหลักคือการเข้ามาของนักลงทุนสถาบัน ความชัดเจนด้านกฎเกณฑ์ และพฤติกรรมตามวัฏจักรของตลาดในอดีต
สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2025 คือ กระแสเงินไหลเข้าสู่ Bitcoin ETF อย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มที่สภาพคล่องทั่วโลกกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การคาดการณ์ราคาขยับสูงขึ้นอีก นักวิเคราะห์สายแมโครอย่าง Arthur Hayes ยังกล่าวว่า
“ราคาของ Bitcoin สะท้อนความคาดหวังของตลาดต่อจำนวนเงินเฟียตในอนาคต — และตอนนี้คาดหวังนั้นกำลังพุ่งสูงขึ้น”
แม้ว่าเวลาจะผ่านมาจนถึงกลางปี 2025 แล้ว แต่เป้าราคาหลายเจ้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยน เพราะปัจจัยหลักที่วางไว้ตั้งแต่แรกกำลังกลายเป็นจริงอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีปัจจัยเสริมเข้ามาอีก เช่น ดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ยังสูงต่อเนื่อง และความกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเข้าใกล้วิกฤตหนี้อีกครั้ง
Nik Bhatia ผู้เขียน The Bitcoin Layer มองว่า
“ในปี 2021 Bitcoin ขึ้นเพราะการเติบโตและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ปี 2025 นี้มันกำลังขึ้นด้วยเหตุผลที่ต่างไป — ไม่ใช่เพราะความหวัง แต่เป็นเพราะผู้คนกำลังมองหา ‘ความเป็นกลางทางการเงิน’”
แม้หลายคนจะมั่นใจว่าเรายังอยู่ในช่วงตลาดกระทิง (Bull Market) แต่ก็เริ่มมีบางโมเดลที่เตือนว่า ปี 2026 อาจเป็นช่วงปรับฐานแรง หรือเข้าสู่ภาวะคริปโตวินเทอร์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ On-chain อย่าง Willy Woo ก็ยังเห็นสัญญาณเชิงบวกจากตัวชี้วัด "Risk Signal" ที่ยังคงต่ำต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่าแรงซื้อยังมากกว่าแรงขาย
Woo เสริมอีกว่า
“อย่าเพิ่งยึดติดกับวัฏจักร 4 ปีเหมือนที่ผ่านมา เพราะรอบนี้ Bitcoin กำลังเปลี่ยนบทบาทเป็นสินทรัพย์มหภาค”
มุมมองนี้ยิ่งชัดเจนเมื่อพิจารณาจากปัจจัยมหภาค เช่น การที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามลดดอกเบี้ยระยะยาวด้วยมาตรการลดการใช้จ่ายและขึ้นภาษี แต่มาตรการเหล่านั้นกลับไม่ได้ผล ขณะที่หนี้สาธารณะยังคงพุ่งขึ้นไม่หยุด
Stack Hodler นักวิเคราะห์คริปโตอธิบายว่า
“ยังมีเงินอีกประมาณ $7 ล้านล้านที่นอนอยู่ในกองทุนตลาดเงิน และเงินจำนวนนี้จะต้องหาทางออกไปอยู่ในสินทรัพย์ที่ไม่สามารถ ‘พิมพ์เพิ่มได้’ — ซึ่งก็คือ Bitcoin”
Joe Burnett แห่ง Unchained มองไกลกว่านั้น โดยเชื่อว่าอาจเกิด “การแข่งขันระดับรัฐ” เพื่อสะสม Bitcoin ให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาจเป็นตัวผลักดันราคาไปแตะ $1 ล้านภายในปี 2030 ขณะที่ ARK Invest ของ Cathie Wood ก็ประเมินกรอบราคากว้างไว้ที่ $500,000 ถึง $2.4 ล้านในอนาคต
แม้ตัวเลขเหล่านี้จะดูเวอร์ไปบ้างในสายตาคนทั่วไป แต่เมื่อพิจารณาถึงวิกฤตหนี้ ความเสื่อมของค่าเงินเฟียต และการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินโลกที่กำลังเกิดขึ้น พวกเขาเริ่มไม่ใช่คนกลุ่มน้อยที่คิดแบบนี้อีกต่อไป
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ finbold.com