Vitalik Buterin เปิดตัวแนวคิดใหม่ "Pluralistic Identity" ปฏิวัติระบบยืนยันตัวตนดิจิทัล!

Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้เผยแนวคิดใหม่ “Pluralistic Identity” หรือระบบยืนยันตัวตนแบบพหุลักษณ์ ซึ่งอาจกลายเป็นทางออกของโลกดิจิทัลในยุคที่ความเป็นส่วนตัวและการมีตัวตนบนโลกออนไลน์กลายเป็นประเด็นสำคัญยิ่ง

ในบทความบนบล็อกส่วนตัวของเขา Vitalik ได้กล่าวถึงข้อดีและข้อจำกัดของระบบยืนยันตัวตนที่ใช้ Zero-Knowledge Proof (ZK Proof) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ตัวตนโดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกันก็เตือนว่า การบังคับให้คนมีตัวตนดิจิทัลเพียงหนึ่งเดียวต่อคน อาจเป็นดาบสองคมที่ทำลาย "ตัวตนนามแฝง" ที่เคยเป็นจุดแข็งของอินเทอร์เน็ต

ปัญหาของระบบ Digital ID ที่มีแค่ตัวตนเดียว

Vitalik ชี้ว่า ถ้าระบบยืนยันตัวตนในโลกดิจิทัลมีเพียงหนึ่งบัญชีต่อคนเท่านั้น (One Person – One ID) จะทำให้ทุกกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้กลายเป็นข้อมูลที่เชื่อมโยงกันทั้งหมด ซึ่งจะเปิดช่องให้รัฐบาล นายจ้าง หรือแม้แต่แพลตฟอร์มเอกชน สามารถติดตามและกดดันผู้ใช้ได้ง่ายขึ้นมาก

“ในชีวิตจริง คนเรามีหลายบทบาท มีหลายตัวตนในแต่ละบริบท ไม่ใช่แค่บัญชีเดียวตลอดชีวิต” — Vitalik กล่าว

แนวทาง "Pluralistic Identity" ยืนยันตัวตนแบบกระจายศูนย์

เพื่อตอบโจทย์ความยืดหยุ่นและความปลอดภัย Vitalik เสนอระบบ Pluralistic Identity ที่ใช้การตรวจสอบตัวตนจากแหล่งหลายแหล่ง เช่น บัตรประชาชน โซเชียลมีเดีย บริการ Web3 และระบบความสัมพันธ์ทางสังคม (Social Graph) โดยไม่มีศูนย์กลางใดศูนย์กลางหนึ่งที่ควบคุมทั้งหมด

ข้อดีของแนวคิดนี้คือ:

• ผู้ใช้สามารถมีตัวตนหลายแบบในโลกออนไลน์ได้
• ป้องกันการผูกขาดและการควบคุมจากองค์กรใดองค์กรหนึ่ง
• รองรับคนที่ไม่มีเอกสารทางราชการ เช่น ผู้ลี้ภัย หรือบุคคลไร้รัฐ

Vitalik ยังกล่าวว่า โมเดลนี้จะช่วยให้ระบบยืนยันตัวตนในอนาคตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเหมาะสมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในบริบทของ Web3 และเศรษฐกิจดิจิทัล

แนวโน้ม Digital ID ในยุโรปและเอเชีย

บทความยังอ้างถึงโครงการอย่าง World ID ซึ่งมีผู้ใช้งานทะลุ 10 ล้านคน โครงการ Digital ID ของไต้หวัน และความพยายามของสหภาพยุโรปในการนำเทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof มาใช้ ซึ่งแม้จะมีข้อดีในเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่หากไม่มีความยืดหยุ่น ระบบเหล่านี้ก็อาจย้อนกลับมาสร้างปัญหาใหม่แทน

สรุป: ทางรอดของ Digital Identity

Vitalik ย้ำว่า ระบบ Digital Identity ที่ดีต้องไม่บีบให้ผู้ใช้มีแค่ตัวตนเดียว และต้องสามารถรวมความสามารถของระบบหนึ่งคนต่อหนึ่งบัญชี (One Person – One ID) กับระบบเครือข่ายทางสังคม (Social Graph) เข้าด้วยกัน

“เมื่อระบบใดระบบหนึ่งเริ่มมีผู้ใช้เกือบทั้งหมดของโลก มันจะผลักดันให้โลกเข้าสู่โมเดลแบบหนึ่งต่อหนึ่งโดยอัตโนมัติ ซึ่งนั่นจะทำให้สูญเสียข้อดีหลายอย่าง” — Vitalik กล่าว

‍

อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ cryptoslate.com