Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum กลับมามีสถานะเป็นเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ในโลกคริปโตอีกครั้ง หลังราคาของ ETH ทะลุระดับสำคัญที่ $4,000 เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 8 เดือน ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Arkham ซึ่งรายงานว่า พอร์ตคริปโตของ Buterin มีมูลค่าประมาณ $1.04 พันล้านดอลลาร์ โดยถือครอง ETH จำนวน 240,042 เหรียญ พร้อมเหรียญอื่น ๆ เช่น Aave Ethereum (AETHWETH), WhiteRock (WHITE), Moo Deng (MOODENG) และ Wrapped Ethereum (WETH)
ในวันเสาร์ที่ผ่านมา ETH ปรับตัวขึ้นอีก 6.38% แตะ $4,332 หลังจากกลับมายืนเหนือ $4,000 ได้เมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นราคาที่ไม่เห็นมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 ปัจจุบัน ETH ซื้อขายอยู่ราว $4,244 และนักเทรดบางราย เช่น Ted ได้โพสต์บน X (Twitter เดิม) ว่า “อีกไม่กี่วันก็จะถึงจุดสูงสุดใหม่” หมายถึงการลุ้นทดสอบระดับ All-Time High (ATH) เดิมที่ $4,878 จากเดือนพฤศจิกายน 2021
ข้อมูลจาก CoinGlass ระบุว่า หากราคา ETH ขึ้นถึง $4,500 จะทำให้สถานะ Short มูลค่าราว $1.35 พันล้านดอลลาร์ เสี่ยงถูกบังคับปิด (Short Squeeze) ซึ่งอาจเร่งให้ราคาพุ่งแรงขึ้นไปอีก
อีกหนึ่งปัจจัยบวกสำคัญคือกระแสเงินไหลเข้าจาก Spot Ether ETF ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว Arkham เปิดเผยว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ETF ของ ETH มีมูลค่าการไหลเข้า $461 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า ETF ของ Bitcoin ที่ $404 ล้าน
ข้อมูลจาก Farside ชี้ว่าในช่วง 5 วันทำการล่าสุด Spot ETH ETF ในสหรัฐฯ มีเงินไหลเข้าสุทธิ $326.6 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Bitcoin ETF มีเงินไหลเข้าสุทธิ $253.2 ล้าน ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความสนใจของนักลงทุนสถาบันที่เริ่มมุ่งเข้ามาในตลาด ETH มากขึ้น
Buterin กลายเป็นเศรษฐีพันล้านครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2021 ขณะอายุเพียง 27 ปี เมื่อราคา ETH ทะลุ $3,000 โดยในเวลานั้นเขาถือครอง ETH ประมาณ 333,500 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว $1.029 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากราคา ETH พุ่งขึ้นกว่า 4 เท่าจากราว $700 เมื่อต้นปี 2021
อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคม 2018 เขาเคยเปิดเผยว่าไม่เคยถือครอง ETH เกิน 0.9% ของซัพพลายทั้งหมด และมูลค่าสุทธิของเขาไม่เคยเข้าใกล้ $1 พันล้านมาก่อน
แม้ราคาจะปรับขึ้นแรงและบริษัทมหาชนที่ถือ ETH มีมูลค่ารวมกว่า $11.77 พันล้านดอลลาร์ แต่ Buterin ได้เตือนถึงความเสี่ยงของกระแส Ether Treasury Companies หรือบริษัทที่ถือ ETH ในปริมาณมากว่า อาจเป็นปัจจัยลบในอนาคตหากมีการใช้เลเวอเรจมากเกินไป เขากล่าวว่า
“ถ้าคุณปลุกผมอีก 3 ปีข้างหน้าแล้วบอกว่ากระแสการถือครอง ETH ของบริษัทเป็นสาเหตุทำให้ ETH ล่มสลาย ผมก็คงเดาว่าเป็นเพราะมันกลายเป็นเกมที่ใช้เลเวอเรจเกินควร”
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ vox.com