Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
พอล แอตกินส์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) คนใหม่ ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า “Tokenization คือนวัตกรรม” และควรได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อขับเคลื่อนตลาดการเงินเข้าสู่ยุคใหม่
ในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แอตกินส์ ย้ำว่า นโยบายของ SEC กำลังเปลี่ยนแปลงจากยุคของประธานคนก่อน แกรี่ เจนสเลอร์ ที่ถูกวิจารณ์ว่ามีแนวทาง “ควบคุมด้วยการลงโทษ” และทำให้บรรยากาศนวัตกรรมด้านคริปโตในสหรัฐฯ หยุดชะงัก
“วันเหล่านั้นจบลงแล้ว... เป้าหมายของผมคือทำให้ทุกอย่างโปร่งใส และเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อย่างมั่นใจ” — พอล แอตกินส์, ประธาน SEC
แอตกินส์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายน 2025 หลังได้รับการเสนอชื่อโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และมีแนวทางสนับสนุนเทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเปิดกว้าง ตั้งแต่การพัฒนาแนวทางกำกับดูแล ไปจนถึงการส่งเสริมนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ
เทคโนโลยี Tokenization หรือการแปลงสินทรัพย์จริง (Real-world Assets) ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลบนบล็อกเชน ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ขับเคลื่อนการนำคริปโตมาใช้งานจริง โดยเฉพาะภายใต้บรรยากาศที่หน่วยงานกำกับในสหรัฐฯ เริ่มเปิดกว้าง
รายงานจาก Binance Research ระบุว่า Tokenization กำลังกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมกับเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเห็นพ้องกับมุมมองของ World Economic Forum ที่เชื่อว่าเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการปรับโฉมการเงินโลก
ข้อมูลจาก RedStone ชี้ว่า มูลค่ารวมของสินทรัพย์จริงที่ถูก Tokenize (ไม่รวม Stablecoin) ทะลุ 24 พันล้านดอลลาร์ ภายในครึ่งปีแรก โดยสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่:
แนวทางสนับสนุนคริปโตของ พอล แอตกินส์ ไม่ได้หยุดแค่คำพูด แต่ยังมีความเคลื่อนไหวจริงจากฝ่ายนโยบาย โดยเฉพาะ:
การเปลี่ยนแปลงด้านกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่เริ่มหันมาให้ความสนใจใน Tokenization ในฐานะแนวทางธุรกิจใหม่
ตัวอย่างล่าสุดคือ JPMorgan Chase ที่กำลังทดลองโครงการ Tokenization ของคาร์บอนเครดิต ผ่านเครือข่ายบล็อกเชนภายในของตนในชื่อ Kinexys โดยร่วมมือกับองค์กรระดับโลก เช่น:
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ bloomberg.com