Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
Ant International บริษัทในเครือของ Ant Group ที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก แจ็ค หม่า กำลังเตรียมยื่นขอใบอนุญาตเพื่อออก Stablecoin ใน ฮ่องกง และ สิงคโปร์ โดยคาดว่าจะดำเนินการในฮ่องกงทันทีหลังกรอบกำกับดูแล Stablecoin ของที่นั่นมีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคมนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะขอใบอนุญาตใน ลักเซมเบิร์ก ด้วย ตามรายงานของ Bloomberg ที่อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ
Ant International มีแผนนำ Stablecoin ไปใช้ในระบบ ชำระเงินข้ามพรมแดน (cross-border payments) และการบริหารจัดการเงินคลัง (treasury management)
ในปี 2024 ธุรกรรมมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ของบริษัทดำเนินผ่านแพลตฟอร์มบล็อกเชนของตัวเองชื่อว่า Whale โดยแพลตฟอร์มนี้ยังถูกใช้ในธุรกรรมของ Alibaba บริษัทแม่ของ Ant Group ด้วย
นอกจากนี้ Ant Group ยังเคยแสดงความสนใจเทคโนโลยีบล็อกเชนและการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นโทเคน (tokenization) โดยในเดือนธันวาคม 2024 บริษัทในเครือ Ant Digital ได้จับมือกับบล็อกเชน Layer-1 อย่าง Sui เพื่อนำโทเคนมาใช้กับสินทรัพย์จริงในกลุ่ม ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล)
ความเคลื่อนไหวของ Ant International เกิดขึ้นหลังจากฮ่องกงประกาศผ่านร่างกฎหมาย Stablecoin Ordinance เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับแรกที่กำกับดูแลการออก Stablecoin ที่อิงกับสกุลเงิน (fiat-backed stablecoins)
กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2025 และกำหนดให้ผู้ออก Stablecoin ต้องได้รับใบอนุญาตจาก Hong Kong Monetary Authority (HKMA) โดยผู้ที่ฝ่าฝืนอาจถูกปรับสูงสุด 5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 640,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ไม่เพียงแต่ Ant Group เท่านั้นที่กำลังเข้าสู่ตลาด Stablecoin เพราะจากข้อมูลของ DefiLlama ล่าสุด มูลค่าตลาดรวมของ Stablecoin พุ่งทะลุ 250,000 ล้านดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์เชื่อว่า Stablecoin อาจเป็น “ตัวเร่งสำคัญรอบใหม่” ของตลาดคริปโต โดย David Pakman หุ้นส่วนบริหารของ CoinFund ให้สัมภาษณ์ว่า
“นี่คือจุดเปลี่ยนที่ตลาดคริปโตรอคอยมานานกว่า 10 ปี... การเคลื่อนย้ายความมั่งคั่งของผู้คนเข้าสู่ระบบออนเชน จะดึงทุกคนเข้ามาในระบบ”
Pakman ยังมองว่า Stablecoin อาจทะลุ $1 ล้านล้านภายในปี 2025 และจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของระบบการเงินโลกในยุคใหม่
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ crypto-economy.com