Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
Eric Trump บุตรชายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวที่ระบุว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการเข้าตลาดหุ้นของโปรเจกต์คริปโตชื่อดัง TRON ในสหรัฐอเมริกา
แต่ถึงแม้จะปฏิเสธการร่วมมือโดยตรง Eric Trump ก็ยังกล่าวชื่นชม Justin Sun ผู้ก่อตั้ง TRON อย่างเปิดเผย โดยโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า:
“ผมเป็นแฟนตัวยงของ TRON และชื่นชม Justin Sun มาก เขาเป็นทั้งเพื่อนที่ดีและเป็นไอคอนในวงการคริปโต”
ก่อนหน้านี้สำนักข่าว Financial Times รายงานว่า TRON มีแผนจะเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านวิธี reverse merger หรือการควบรวมกิจการแบบย้อนกลับกับบริษัท SRM Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทขายของที่ระลึกที่จดทะเบียนใน Nasdaq อยู่แล้ว
ดีลนี้จะทำให้ SRM รีแบรนด์ตัวเองเป็น TRON Inc. และจะจัดตั้งกองทุนสำรอง TRON มูลค่า $100 ล้านดอลลาร์ ผ่านการระดมทุนแบบ private equity
จากข้อมูลของ CoinMarketCap ปัจจุบัน TRON เป็นเครือข่ายบล็อกเชนอันดับ 9 ของโลก โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ $26.5 พันล้านดอลลาร์
แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับดีลล่าสุด Eric Trump กับ Justin Sun ก็มีความเชื่อมโยงทางธุรกิจอยู่ไม่น้อย โดยทั้งคู่เคยทำงานร่วมกันในโปรเจกต์ชื่อ World Liberty Financial (WLFI) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโตของครอบครัวทรัมป์เอง
Sun ได้เข้ามาลงทุนในโปรเจกต์นี้ด้วยมูลค่า $30 ล้านดอลลาร์ ผ่านการซื้อโทเคน WLFI เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
Eric Trump เป็นแรงผลักดันสำคัญเบื้องหลัง World Liberty Financial ซึ่งกลายเป็นช่องทางสร้างรายได้หลักของครอบครัว โดยจากรายงานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินล่าสุด ระบุว่า Donald Trump ได้รับรายได้มากถึง $57.4 ล้านดอลลาร์ จากการขายโทเคน WLFI
นอกจากนี้ ครอบครัวยังได้เปิดตัวบริษัทใหม่ชื่อ American Bitcoin ซึ่งเป็นบริษัทขุดเหรียญ Bitcoin ที่วางแผนจะเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านการควบรวมกับบริษัทชื่อ Dryphon Digital Mining
ตั้งแต่เปิดตัวในเดือนเมษายน บริษัท American Bitcoin ได้สะสม Bitcoin ไปแล้วกว่า 215 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ $23.3 ล้านดอลลาร์
ในงานประชุม Consensus ที่แคนาดาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Eric Trump ได้แสดงมุมมองต่อ Bitcoin ว่า:
“ตอนนี้ทั้งโลกกำลังแย่งกันสะสม Bitcoin ผมได้ยินจากกองทุนความมั่งคั่งระดับประเทศ บริษัทใหญ่ และครอบครัวที่รวยที่สุดในโลก พวกเขากำลังแห่เข้ามาในตลาดนี้”
อย่างไรก็ตาม การที่ครอบครัวทรัมป์ขยายกิจกรรมในวงการคริปโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ สมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนเริ่มตั้งคำถาม ถึงผลประโยชน์ทับซ้อน และการใช้ตำแหน่งทางการเมืองเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่ธุรกิจของครอบครัว
โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังผลักดันกฎหมายควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลหลายฉบับ ซึ่งครอบครัวทรัมป์เองก็มีบทบาททั้งในเชิงนโยบายและเชิงธุรกิจ
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ cryptobriefing.com