Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
BNB Chain เตรียมปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายให้รองรับได้ถึง 5,000 ธุรกรรม DEX swaps ต่อวินาที เพื่อรองรับปริมาณผู้ใช้งานและกิจกรรมบนเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตามรายงานแผนพัฒนาในช่วงปี 2025–2026 ทีม BNB Chain จะเพิ่ม block gas limit จาก 100 ล้าน เป็น 1 พันล้าน เพื่อสนับสนุนการทำงานของ DApps และรักษาความลื่นไหลของเครือข่าย
หนึ่งในไฮไลต์ของการอัปเกรดครั้งนี้คือการเปิดตัว Rust-based client ตัวใหม่ ซึ่งพัฒนาบนสถาปัตยกรรม Reth ของ Ethereum ที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับงานที่ต้องการ throughput สูง โดยมีจุดเด่นคือ
BNB Chain ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Super Instructions ซึ่งช่วยรวมคำสั่งหลายชุดให้เป็นหนึ่งเดียว ช่วยให้การดำเนินการที่ซับซ้อน เช่น การเปิดตัวเหรียญ หรือการทำ token swap ดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น
พร้อมกันนี้ ทีมงานยังมีแผนปรับปรุงระบบ StateDB ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ใช้จัดเก็บบัญชี ยอดเงิน smart contracts และข้อมูลอื่น ๆ บนบล็อกเชน ให้สามารถเข้าถึงและประมวลผลได้เร็วขึ้น โดยลดการเข้าถึงข้อมูลที่ซ้ำซ้อน ทำให้สามารถรองรับผู้ใช้จำนวนมากขึ้นโดยไม่ชะงัก
ในปี 2026 BNB Chain ตั้งเป้าสร้างสถาปัตยกรรมใหม่ที่สามารถประมวลผลได้ถึง 20,000 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS) และมีเวลายืนยันธุรกรรมต่ำกว่า 150 มิลลิวินาที พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่:
ทีมงานระบุว่าเป้าหมายคือการทำให้การใช้งานบนเชน ง่ายพอ ๆ กับการล็อกอินแอปมือถือ แต่ยังคงให้ผู้ใช้ควบคุมสินทรัพย์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ในแบบ Web3
ตัวแทนจาก BNB Chain เปิดเผยว่า การอัปเกรดครั้งนี้สะท้อนถึง ความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นจริง โดยในช่วงครึ่งปีแรก BNB Chain มีการทำธุรกรรมเฉลี่ย 12.4 ล้านรายการต่อวัน และเคยพุ่งสูงสุดถึง 17.6 ล้านรายการในหนึ่งวัน
“เป้าหมาย 5,000 swaps ต่อวินาทีในปีนี้คือการวางโครงสร้างพื้นฐานล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ลื่นไหล แม้ในช่วงเวลาที่กิจกรรมบนเครือข่ายหนาแน่น โดยไม่ต้องแลกกับค่าใช้จ่าย ความเร็ว หรือความยุติธรรม” ตัวแทนกล่าว
นอกจากนี้ ทีมยังวางแผนพัฒนาระบบความเป็นส่วนตัวในระดับโปรโตคอล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมและโต้ตอบกับ smart contract ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนบนสาธารณะ
“เทรดเดอร์ระดับมืออาชีพเองก็ต้องการระบบที่ให้ประสบการณ์เหมือนบริการการเงินแบบเดิม แต่ยังคงความเป็น Web3” ตัวแทนกล่าวเสริม
นอกจาก BNB Chain แล้ว ฝั่ง Ethereum เองก็มีแผนใหญ่เช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นักพัฒนาจาก Ethereum Foundation อย่าง Sophia Gold เปิดเผยว่า Ethereum กำลังเตรียมนำเทคโนโลยี Zero-Knowledge (ZK) มาใช้บน mainnet
ด้าน Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ก็เสนอแนวทางการพัฒนา layer-2 แบบมินิมอล โดยสนับสนุนแนวคิดที่ layer-1 จากเครือข่ายอื่นควรเปลี่ยนบทบาทเป็น layer-2 ของ Ethereum ในอนาคต
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ cryps.pl