Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลคริปโต TRM Labs เปิดเผยว่า 99% ของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Stablecoin ในปี 2024 เป็นธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณสำคัญว่าวงการคริปโตไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมมากเท่าที่สังคมเคยเข้าใจ
ในขณะเดียวกัน TRM Labs ยังระบุว่า Stablecoin ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทสูงในระบบนิเวศของคริปโต โดยคิดเป็น กว่า 60% ของปริมาณธุรกรรมคริปโตทั้งหมด
งานวิจัยจาก Artimas พบว่า ธุรกรรมระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ได้กลายมาเป็นสัดส่วนที่ใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดของปริมาณธุรกรรม Stablecoin ซึ่งแซงหน้าธุรกรรมแบบบุคคลต่อบุคคล (P2P)
จุดแข็งของ Stablecoin คือความสามารถในการ “ตรวจสอบย้อนกลับได้” เพราะทำงานอยู่บนบล็อกเชนที่โปร่งใส เมื่อรวมกับเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน ทำให้ตรวจสอบธุรกรรมได้ง่ายกว่าการใช้เงินสด
อีกทั้ง ผู้ให้บริการ Stablecoin หลายแห่งยังสามารถ “แช่แข็ง” หรือ “เผา” (burn) เหรียญที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมายได้ทันที
TRM Labs ระบุว่า GENIUS Act จะเป็น “จุดเปลี่ยนที่ชัดเจน” ของนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ โดยเปลี่ยนจากการบังคับใช้กฎหมายแบบกระจัดกระจาย (piecemeal enforcement) มาเป็นการกำหนดกรอบกฎหมายที่ชัดเจนและมีโครงสร้าง เช่น
แม้ว่า 99% ของธุรกรรม Stablecoin จะเป็นธุรกรรมที่ถูกต้อง แต่ TRM Labs ก็ชี้ว่า Stablecoin ยังคงถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการทำธุรกรรมผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในการสนับสนุนการก่อการร้าย หรือธุรกรรมในเครือข่ายผิดกฎหมายต่าง ๆ
ในรายงานอาชญากรรมคริปโตไตรมาสแรกของปี 2025 TRM พบว่า:
ปัจจุบัน TRM Labs ยังทำงานร่วมกับ Tether และ TRON ในโครงการ T3 Financial Crime Unit (T3 FCU) เพื่อติดตาม ตรวจสอบ และสกัดกั้นการฟอกเงินผ่าน Stablecoin
อ้างอิง : theblock.co