Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

June 4, 2025
ข่าว
1
min read

เกาหลีใต้ได้ผู้นำใหม่! Lee Jae-myung คว้าชัยพร้อมคำมั่นดันคริปโตเต็มตัว

ประเทศเกาหลีใต้มีผู้นำคนใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา โดย Lee Jae-myung จากพรรคฝ่ายซ้ายได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี หลังอดีตผู้นำอย่าง Yoon Suk-yeol ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง เนื่องจากกระแสต่อต้านหลังใช้นโยบายทหารและการบริหารที่ล้มเหลวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

การเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่ามีความคึกคักสูงมาก โดยมีผู้มาใช้สิทธิ์ถึง 79.4% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 28 ปี โดย Lee ได้รับคะแนนเสียง 49.42% เอาชนะผู้สมัครฝ่ายขวา Kim Moon-soo ที่ได้ 41.15%

นอกจากนโยบายเศรษฐกิจที่เน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการรายย่อยแล้ว ประธานาธิบดีคนใหม่ยังแสดงจุดยืนชัดเจนในการผลักดัน อุตสาหกรรมคริปโต ของประเทศให้เติบโตยิ่งขึ้น

ประเด็นหลักที่ Lee ผลักดันในด้านคริปโต ได้แก่:

  • สนับสนุนการเปิดตัวกองทุน ETF คริปโตแบบสปอต ในประเทศ หลังเห็นความสำเร็จจากตลาดสหรัฐฯ แม้ในปัจจุบัน การออกและซื้อขาย ETF คริปโตยังถูกห้ามในเกาหลีใต้
  • ผลักดันการออก Stablecoin ที่ผูกกับสกุลวอน (KRW) เพื่อป้องกันการไหลออกของเงินทุนภายในประเทศ โดยกล่าวไว้เมื่อเดือนก่อนว่าเกาหลีใต้จำเป็นต้องมีตลาด Stablecoin ของตัวเอง
  • เดินหน้าออกกฎหมายฉบับที่ 2 ของกรอบกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ที่จะเน้นเรื่องความโปร่งใสของ Exchange และการคุมเสถียรภาพของ Stablecoin
  • ลดข้อจำกัดในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ส่งเสริมการพัฒนา Blockchain เพื่อเปิดทางให้นวัตกรรมเติบโตได้เต็มศักยภาพ

แม้ว่า Lee จะไม่ใช่ผู้นำคนแรกที่ให้คำมั่นเรื่องการส่งเสริมคริปโต เพราะอดีตประธานาธิบดี Yoon เองก็เคยให้คำมั่นแบบเดียวกัน แต่สุดท้ายหลายมาตรการกลับถูกชะลอและไม่เป็นรูปธรรม เนื่องจากขัดแย้งกับหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง คณะกรรมการบริการทางการเงิน (FSC) ที่กังวลเรื่องการปกป้องนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม ภายใต้บรรยากาศใหม่ FSC ดูเหมือนจะมีท่าทีเปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งอาจเอื้อต่อการดำเนินนโยบายของ Lee ได้ง่ายขึ้น

เกาหลีใต้ถือเป็นหนึ่งในตลาดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเน้นการเทรด Altcoin เป็นหลัก จากข้อมูลของ FSC พบว่า ณ สิ้นปีที่แล้ว มีผู้ใช้งานในตลาดคริปโตเกาหลีใต้ถึง 9.7 ล้านคน หรือเกือบ 20% ของประชากรทั้งประเทศ

อ้างอิง : theblock.co
ภาพ bbc.co.uk/news/

ข่าวที่คุณอาจสนใจ