Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

May 25, 2025
ข่าว
1
min read

Bitwise คาดเงินไหลเข้า Bitcoin ทะลุ 420,000 ล้านดอลลาร์ในอีก 2 ปี — แซงทองคำทั้งใน ETF และทุนสำรอง!

Spot Bitcoin ETF เติบโตแซง ETF ทองคำในช่วงแรกอย่างรวดเร็ว โดยภายในปี 2024 มียอดเงินไหลเข้า (net inflow) ถึง 36.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่เร็วกว่า ETF ทองคำ (GLD) ถึง 20 เท่า ทำให้ภายในเวลาเพียง 12 เดือน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ทะลุ 125 พันล้านดอลลาร์

บริษัทจัดการกองทุน Bitwise คาดว่า ความต้องการลงทุนใน Bitcoin จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นบริษัทมหาชน รัฐบาล ประเทศต่าง ๆ และกองทุน ETF ซึ่งจะทำให้มีเงินไหลเข้าสู่ Bitcoin มากถึง 120 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2025 และเพิ่มเป็น 300 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2026

แม้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ยังมีเม็ดเงินกว่า 35 พันล้านดอลลาร์ที่ยังไม่เข้าสู่ตลาด BTC เพราะติดข้อจำกัดด้าน Compliance จากสถาบันการเงินใหญ่ เช่น Morgan Stanley และ Goldman Sachs ที่บริหารสินทรัพย์รวมกันกว่า 60 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม Bitwise เชื่อว่าความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นของ Bitcoin ETF จะค่อย ๆ ปลดล็อกเงินทุนส่วนนี้ได้ในอนาคต

Jurrien Timmer ผู้อำนวยการฝ่าย Global Macro ของ Fidelity ยังกล่าวว่า หาก Bitcoin ทะลุระดับ $100,000 ได้อย่างมั่นคง จะเป็นสัญญาณสำคัญว่า BTC มีศักยภาพเทียบเท่าทองคำในฐานะ "Store of Value" โดยล่าสุดค่า Sharpe Ratio ของ Bitcoin และทองคำเริ่มเคลื่อนไหวในระดับใกล้เคียงกัน สะท้อนถึงความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่สมดุลขึ้นเรื่อย ๆ

การคาดการณ์ ETF ของ Bitcoin และทองคำ ที่มา: Bitwise

สถาบันและรัฐบาลแห่ถือ Bitcoin — เกือบ 1.7 ล้าน BTC อยู่ในมือบริษัทและรัฐ

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า บริษัทมหาชนถือครอง Bitcoin รวมกันมากถึง 1.14 ล้าน BTC (คิดเป็น 5.8% ของซัพพลายทั้งหมด) มูลค่ารวมกว่า 125 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ถือรวมกัน 529,705 BTC มูลค่าเกือบ 58 พันล้านดอลลาร์ โดย 3 อันดับแรกคือ สหรัฐฯ (207,189 BTC), จีน (194,000 BTC) และสหราชอาณาจักร (61,000 BTC)

3 ฉากทัศน์ของการไหลเข้าสู่ Bitcoin: Bear, Base และ Bull Case

ทีมวิจัย Bitwise นำโดย Juan Leon, Guillaume Girard และ Will Owens วิเคราะห์แนวโน้มการจัดสรรทรัพย์สินเข้าสู่ Bitcoin ผ่าน 3 กรณี ได้แก่:

  • Bear Case: หากประเทศต่าง ๆ เปลี่ยนทองคำแค่ 1% เป็น BTC จะเกิด inflow ราว $32.3 พันล้าน หรือประมาณ 323,000 BTC ขณะที่รัฐในสหรัฐถือครอง 10% ของเงินทุนสำรองในรูป BTC จะเพิ่มอีก $6.5 พันล้าน เมื่อรวมกับเม็ดเงินจาก wealth platform และบริษัทมหาชน คาดว่าจะมีเงินไหลเข้ารวมกันเกิน $150 พันล้าน
  • Base Case: หากรัฐเพิ่มการถือครองเป็น 5% จะเกิด inflow $161.7 พันล้าน (ประมาณ 1.6 ล้าน BTC) และเมื่อรวมกับการจัดสรรจากแพลตฟอร์มการลงทุน ($300B) และบริษัทมหาชน ($117.8B) จะทำให้รวมทั้งหมดตรงกับเป้าหมาย Bitwise คือ $120B ในปี 2025 และ $300B ในปี 2026 คิดเป็น 20.32% ของซัพพลาย Bitcoin
  • Bull Case: หากประเทศทั่วโลกจัดสรรทองคำ 10% ไปที่ BTC จะทำให้มี inflow สูงถึง $323.4 พันล้าน หรือราว 3.2 ล้าน BTC เมื่อรวมกับการถือ BTC ของรัฐสหรัฐและแพลตฟอร์มการลงทุน คาดว่าจะมีเงินไหลเข้ารวมกันกว่า $426.9 พันล้าน คิดเป็น 15.38% ของซัพพลาย

สรุป

Bitcoin กำลังกลายเป็นสินทรัพย์สำรองที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่แค่ในหมู่นักลงทุนรายย่อย แต่รวมถึงรัฐบาลและองค์กรการเงินขนาดใหญ่ทั่วโลก โดยมีสัญญาณชัดเจนว่า Bitcoin จะถูกจัดวางในบทบาทเดียวกับทองคำในพอร์ตลงทุนยุคใหม่ ซึ่งเมื่อรวมกับข้อเท็จจริงที่ว่า 94.6% ของ BTC ทั้งหมดถูกขุดออกมาแล้ว (ข้อมูล ณ พฤษภาคม 2025) ยิ่งตอกย้ำว่าอุปทานที่จำกัดของ Bitcoin จะกลายเป็นจุดแข็งในระยะยาว

อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ coingape.com

ข่าวที่คุณอาจสนใจ