Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
ร่างกฎหมาย Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า GENIUS Act ได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยคะแนนเสียง 68 ต่อ 30 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้สหรัฐฯ เข้าใกล้การมีกฎหมายรองรับ Stablecoin อย่างเป็นทางการมากขึ้น
ร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกเสนอโดย วุฒิสมาชิกบิล แฮกเกอร์ตี้ จากรัฐเทนเนสซี เมื่อประมาณหกสัปดาห์ก่อน และการผ่านวุฒิสภาครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยถูกคัดค้านจากฝั่งเดโมแครตเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับอุตสาหกรรมคริปโต โดยเฉพาะกรณีของบริษัท World Liberty Financial ที่ออกเหรียญ Stablecoin เป็นของตัวเองในชื่อ USD1 เมื่อเดือนมีนาคม
ก่อนการโหวต วุฒิสมาชิกแฮกเกอร์ตี้กล่าวว่า "ด้วยร่างกฎหมายฉบับนี้ สหรัฐอเมริกาจะเข้าใกล้การเป็นผู้นำโลกด้านคริปโตมากยิ่งขึ้น" พร้อมเสริมว่า หาก GENIUS Act กลายเป็นกฎหมาย ธุรกิจทุกระดับและประชาชนจะสามารถชำระเงินได้แบบทันที โดยไม่ต้องรอเป็นวัน ๆ หรือสัปดาห์อีกต่อไป
หลังจากผ่านวุฒิสภา ขั้นตอนต่อไปคือการพิจารณาใน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจมีการเสนอแก้ไขเพิ่มเติม โดยสภายังคงมีเสียงข้างมากเป็นของพรรครีพับลิกันเพียงเล็กน้อย ทำให้ผลโหวตยังไม่แน่นอน
มีรายงานว่า บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Google, X (ชื่อเดิม Twitter) และ Airbnb กำลังติดตามร่างกฎหมายนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากผ่าน อาจเปิดทางให้พวกเขาสามารถออกเหรียญ Stablecoin ของตนเองได้ตามกฎหมาย
ทางด้าน เดวิด แซคส์ หัวหน้าทีมคริปโตและ AI ประจำฝ่ายของทรัมป์ ได้แสดงจุดยืนเมื่อเดือนพฤษภาคมว่าอดีตประธานาธิบดีจะให้การสนับสนุนกฎหมายนี้ หากถูกผลักดันโดยสภาคองเกรสที่ควบคุมโดยพรรครีพับลิกัน
รัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ โพสต์บน X ว่า “มีการคาดการณ์ว่า Stablecoin อาจมีมูลค่าตลาดรวมแตะ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นทศวรรษ และโอกาสนั้นจะมีความเป็นไปได้มากขึ้น หาก GENIUS Act ผ่านการอนุมัติ”
ในอีกด้านหนึ่ง สภาผู้แทนฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายอีกฉบับที่ชื่อ CLARITY Act ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อวางโครงสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน โดยแม้ว่าจะผ่านคณะกรรมาธิการสองชุดแล้ว แต่ยังเผชิญแรงต้านจากเดโมแครตบางส่วนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิจารณ์จากกลุ่มองค์กรผู้บริโภค โดย บาร์ตเลตต์ เนย์เลอร์ ตัวแทนจากกลุ่ม Public Citizen ระบุว่า “ในการผลักดันร่างกฎหมายนี้ สภาได้ละเลยที่จะตรวจสอบผลประโยชน์ทับซ้อนของทรัมป์ในวงการคริปโตอย่างจริงจัง นี่คือการเปิดทางให้สิ่งที่เปรียบเสมือนกลโกงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประธานาธิบดี ถูกมองว่าเป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมาย”
อ้างอิง : cointelegraph.com