Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
Richard Byworth หุ้นส่วนของ Syz Capital และที่ปรึกษาบริษัท Jan3 แนะนำว่า Michael Saylor และบริษัท Strategy ควรเร่งสะสม Bitcoin แบบ “สุดตัว” โดยไม่ต้องสนใจเรื่องราคาหรือการซื้อแบบ OTC อีกต่อไป หากเข้าสู่ช่วงที่เหรียญเริ่มขาดตลาด
Byworth เสนอว่า Strategy ควรใช้แนวทางที่ “ดุดันกว่านี้” ด้วยการ:
เขาให้เหตุผลว่า “เมื่อ Bitcoin เริ่มขาดแคลนในตลาดเปิดและ OTC , การซื้อโดยไม่สนใจผลกระทบของราคาอาจส่งผลดีโดยตรงต่อผู้ถือหุ้น เพราะมันจะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (mNAV) ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมาก”
Byworth อธิบายว่า สิ่งที่ Strategy ควรโฟกัสไม่ใช่ราคาที่ซื้อ BTC แต่คือการเพิ่มมูลค่ารวมของทรัพย์สินในมือ (mNAV) ซึ่งเมื่อสูงขึ้น จะทำให้การออกหุ้นใหม่ในอนาคต เกิด dilution น้อยลง และมีผลดีต่อราคาหุ้น
ปัจจุบัน Strategy ถือ Bitcoin อยู่ราว 553,555 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ $52.48 พันล้าน (ตามข้อมูลจาก Saylor Tracker)
Byworth ยังระบุว่า ประเทศญี่ปุ่นมีบริษัทจำนวนมากที่:
ซึ่งเป็นโอกาสที่ Strategy สามารถเข้าไปซื้อกิจการ แล้ว แปลงเงินสดในบริษัทเหล่านั้นเป็น Bitcoin ได้ทันที เช่นเดียวกับที่บริษัทญี่ปุ่น Metaplanet ทำไว้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เมษายน Metaplanet เพิ่มการถือครอง BTC เป็นมูลค่ากว่า $400 ล้าน หลังซื้อเพิ่มอีก $28 ล้าน
Fidelity Digital Assets เผยเมื่อวันที่ 24 เมษายนว่า อุปทาน Bitcoin บนกระดานเว็บเทรดลดลง เนื่องจากการซื้อของบริษัทมหาชน โดยคาดว่าแนวโน้มนี้จะเร่งตัวในอนาคตอันใกล้
Byworth เชื่อว่า ถ้า BTC ถึงจุดที่หาเหรียญไม่ได้แล้ว บริษัทอย่าง Strategy ก็ควร “ซื้อแบบไม่สนตลาด” เพื่อให้เกิดผลกระทบกับราคาทันที
“หากไม่มีใครขายแล้ว คุณยิ่งควรซื้อแบบรุนแรง เพราะจะทำให้ราคาพุ่ง และ mNAV ของคุณพุ่งตาม” — Byworth กล่าว
สรุป Richard Byworth เสนอแนวคิดว่า Strategy ของ Michael Saylor ควรเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่จาก “ซื้อแบบระมัดระวัง” เป็น “ซื้อแบบรุนแรง” โดยเฉพาะเมื่ออุปทาน BTC เริ่มขาดแคลนในตลาด แถมยังเสนอทางเลือกสุดแหวก — การซื้อบริษัทที่มีเงินสดและแปลงเป็น Bitcoin ทันที ซึ่งอาจกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในยุทธศาสตร์การถือครอง BTC ของบริษัทมหาชน
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ