Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

June 17, 2020
ข่าว
min read

นักวิจัยบางคนสงสัยว่าอาจไม่ใช่การ ‘Blackmail’ ในเรื่องของค่าธรรมเนียมธุรกรรม ETH กว่า 80 ล้านบาท

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วชุมชน crypto พบว่ามีการจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมสูงถึง 2.6 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 80 ล้านบาท ในหลายธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum ซึ่ง Vitalik Buterin ได้กล่าวว่าค่าธรรมเนียมที่ผิดปกตินี้ “จริง ๆ แล้วอาจเป็นแบล็กเมล์ ” แต่นักวิจัยบางคนก็ยังคงคิดว่าไม่น่าจะใช่

ทฤษฎีแบล็กเมล์

เรื่องราวเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน เมื่อมีการจ่ายค่าธรรมเนียมจำนวน 2.6 ล้านดอลลาร์เพื่อย้าย ETH เพียง 0.55 ETH และภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา ก็มีธุรกรรมที่สองตามมาโดยมีการโอน 350 ETH จากกระเป๋าเงินเดียวกันและจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนเงินเท่าเดิมที่ 2.6 ล้านดอลลาร์

ในวันถัดไป มีการการตรวจพบค่าธรรมเนียมการโอนที่ผิดปกติครั้งที่สาม แต่มาจากกระเป๋าเงินอื่น โดยธุรกรรมดังกล่าวมีมูลค่า 2,310 ETH หรือประมาณ $0.5 ล้านดอลลาร์ โดยจ่ายค่าธรรมเนียมไป 3,221 Eth

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน PeckShield บริษัทวิเคราะห์ของจีน สรุปว่าค่าธรรมเนียมจำนวนหลายล้านดอลลาร์นั้นเป็นฝีมือแฮ็กเกอร์ที่พยายามจะเรียกร้องเงินจากเว็บเทรดหลังจากสามารถเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานของแพลตฟอร์มได้ ตามคำกล่าวของ PeckShield แฮ็กเกอร์กำลังขู่ว่าจะล้างกระเป๋าเงินของเว็บเทรดหากพวกเขาไม่จ่ายเงินตามคำเรียกร้อง

นักวิจัยของ ZenGo ไม่คิดอย่างนั้น

Alex Manuskin นักวิจัย blockchain จากบริษัท ZenGo ผู้ให้บริการกระเป๋า Cryptocurrency กล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีแบล็กเมล์

“ธุรกรรมอื่น ๆ ในกระเป๋ายังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ หากแฮ็กเกอร์ควบคุมกุญแจได้จริง ทำไมพวกเขา [องค์กรที่ถูกแฮ็ก] จึงยังคงใช้งานอยู่ตามปกติ?”

จากข้อมูลของ Manuskin หากแฮ็กเกอร์เข้าถึง key ที่อนุญาตให้สามารถส่งธุรกรรมไปยังที่อยู่ "ที่อนุญาต" (เช่นที่อยู่ของลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติเอาไว้ล่วงหน้า) คนที่ถูกแฮ็กควรหยุดการกระทำทุกอย่างและไม่ใส่เงินลงไปเพิ่มเติม”

“ถ้าสิ่งนี่เป็น bug ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น มันก็เป็นเรื่องที่บ้าบอมากๆ ” Manuskin กล่าวต่อไปโดยเสนอว่าเรื่องราวเบื้องหลังการทำธุรกรรมยังคงเป็นปริศนาสำหรับตอนนี้

“แต่ลองจินตนาการถึงผู้ให้บริการที่มีเงินทุนมูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ และไม่ได้สำรองข้อมูลสำหรับกุญแจของพวกเค้า และไม่คิดทำสิ่งใดที่จะหยุดการละเมิดนี้ก็เป็นเรื่องบ้าบอเช่นกัน”

นักวิจัย blockchain แนะนำว่า ที่อยู่นี้อาจเป็นของ “ผู้ให้บริการในเอเชียตะวันออก” เช่น Bithumb, OKEx, Coinone และอื่น ๆ

อ้างอิง : LINK

ข่าวที่คุณอาจสนใจ