Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com
หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศใช้ GENIUS Act กฎหมายใหม่ที่ควบคุมการออก Stablecoin อย่างเป็นทางการ หลายฝ่ายมองว่านี่คือก้าวสำคัญของวงการคริปโต แต่ในอีกมุมหนึ่ง บทบัญญัติที่ "ห้าม Stablecoin จ่ายผลตอบแทน" กลับกลายเป็นประเด็นที่เริ่มถูกตั้งคำถาม
หนึ่งในข้อกำหนดสำคัญของ GENIUS Act คือการ “ห้ามผู้ออก Stablecoin เสนอผลตอบแทนให้กับผู้ถือ” ไม่ว่าจะเป็นรายย่อยหรือสถาบัน นั่นหมายความว่าผู้ถือ Stablecoin อย่าง USDC หรือ USDP ในอนาคตจะไม่สามารถรับดอกเบี้ยจากการถือเหรียญเหล่านี้ได้อีก
Temujin Louie ซีอีโอของ Wanchain ระบุว่า แม้กฎหมายจะดูเหมือนการรับรอง Stablecoin อย่างถูกต้อง แต่ข้อห้ามเรื่องผลตอบแทนอาจมีเจตนาเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมกองทุนตลาดเงิน (Money Market Funds - MMFs) ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งสำคัญของ Stablecoin ในตลาดการเงิน
ฝั่งกองทุนตลาดเงินกลับได้เปรียบ เพราะสามารถนำโครงสร้างแบบ “Tokenized MMFs” มาใช้สร้างผลิตภัณฑ์ที่ดูคล้าย Stablecoin แต่สามารถจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ถือได้ โดยไม่ขัดกับข้อบังคับ
Paul Brody หัวหน้าฝ่ายบล็อกเชนของ EY กล่าวว่า Tokenized MMFs อาจดึงดูดผู้ใช้ที่ต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้ผลตอบแทน ในขณะที่ยังมีความปลอดภัยตามกรอบกฎหมาย โดยเฉพาะในยุคที่การฝากเงินกับธนาคารให้ดอกเบี้ยน้อยหรือแทบไม่มีเลย
ถึงจะไม่มีดอกเบี้ย แต่ Stablecoin ยังมีข้อได้เปรียบสำคัญคือ:
Brody เสริมว่า แม้ผลตอบแทนจะเป็นแรงจูงใจ แต่หาก Tokenized MMFs ต้องใช้ระบบควบคุมที่ยุ่งยาก ก็อาจทำให้ผู้ใช้งานเลือก Stablecoin อยู่ดี
มีรายงานก่อนหน้านี้ระบุว่า กลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ มีบทบาทในการผลักดันข้อห้ามเรื่องดอกเบี้ยของ Stablecoin เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อโมเดลธุรกิจดั้งเดิมที่ให้ดอกเบี้ยน้อย และกลัวเสียเปรียบหาก Stablecoin กลายเป็นทางเลือกหลักของประชาชน
แม้จะมีเหรียญอย่าง YLDS ที่ผ่านการอนุมัติให้เป็น Stablecoin แบบ Yield-bearing ภายใต้กรอบของ ก.ล.ต. สหรัฐฯ แล้ว แต่ก็ต้องดำเนินการแบบ “Security” เต็มรูปแบบ ไม่สามารถใช้งานแบบ DeFi ได้อิสระเช่นเดียวกับ Stablecoin ทั่วไป
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ ainvest.com