Bitcoin Addict เปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เป็น www.bitcoinaddict.com

June 20, 2025
ข่าว
1
min read

ทรัมป์ทยอยลดถือหุ้นใน World Liberty Financial เหลือ 40% ท่ามกลางกระแสกดดันเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในวงการคริปโต

บริษัทที่เชื่อมโยงกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และครอบครัว มีรายงานว่ากำลังลดสัดส่วนการถือหุ้นในแพลตฟอร์มคริปโต World Liberty Financial (WLF) ลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 11 วันที่ผ่านมา

ตามรายงานของ Forbes เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บริษัท DT Marks DeFi LLC ซึ่งเป็นบริษัทลูกภายใต้การควบคุมของครอบครัวทรัมป์ เคยถือหุ้นใน WLF มากถึง 75% เมื่อเดือนธันวาคม 2024 แต่ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ WLF ในเดือนมกราคมระบุว่าสัดส่วนลดลงเหลือ “ประมาณ 60%” และล่าสุดหลังวันที่ 8 มิถุนายน เหลือเพียง 40% เท่านั้น

ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าครอบครัวทรัมป์ได้กำไรจากการขายหุ้นหรือไม่ แต่ Forbes วิเคราะห์ว่า การขายหุ้นจำนวนนี้อาจทำเงินได้หลายล้านดอลลาร์

เกิดขึ้นพร้อมกับแรงกดดันทางการเมือง

การลดถือหุ้นใน WLF เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้มีการสอบสวนความเชื่อมโยงระหว่างทรัมป์กับอุตสาหกรรมคริปโต ขณะที่ WLF เองก็เพิ่งออกเหรียญ Stablecoin ของตัวเองชื่อว่า USD1 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

เหรียญนี้เปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐสภาสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมาย GENIUS Act ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมการออกเหรียญ Stablecoin เพื่อใช้ชำระเงิน โดยร่างกฎหมายดังกล่าวเพิ่งผ่านวุฒิสภาไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยเสียงสนับสนุนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงว่าร่างกฎหมายอาจถูกสภาผู้แทนฯ ขวางไว้ เพราะข้อกังวลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของทรัมป์ โดยเจ้าตัวออกมาโพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันพุธ เรียกร้องให้สภา “ผ่านร่างกฎหมายนี้โดยเร็วที่สุด”

WLF อยู่กลางพายุข้อกล่าวหา

WLF ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวทรัมป์ กลายเป็นจุดศูนย์กลางของการตั้งคำถามว่า ประธานาธิบดีคนปัจจุบันควรมีสิทธิ์ออกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตหรือไม่ ในขณะที่เขาเองมีผลประโยชน์โดยตรงในธุรกิจคริปโตผ่านบริษัทในครอบครัว

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทจากอาบูดาบีรายหนึ่งประกาศว่าจะใช้เหรียญ USD1 ของ WLF เพื่อชำระเงินลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ใน Binance

นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม WLF ยังสามารถระดมทุนได้กว่า 550 ล้านดอลลาร์ จากการขายโทเคนต่อสาธารณะสองรอบ และ ทรัมป์รายงานรายได้จากโปรเจกต์นี้มากกว่า 57 ล้านดอลลาร์ ภายในเดือนมิถุนายน

อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ cryptorank.io

ข่าวที่คุณอาจสนใจ