DOJ สหรัฐย้ำชัด: “เขียนโค้ดไม่ใช่อาชญากรรม” หากไร้เจตนาร้าย หลังคดี Tornado Cash

Matthew J. Galeotti รักษาการผู้ช่วยอัยการสูงสุด ฝ่ายคดีอาญา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า “การเขียนโค้ดโดยปราศจากเจตนาร้าย ไม่ถือเป็นอาชญากรรม” ซึ่งนับเป็นท่าทีใหม่ของรัฐบาลสหรัฐต่อบทบาทของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล

คำพูดดังกล่าวเกิดขึ้นในการประชุมของ American Innovation Project เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ Roman Storm ผู้ร่วมก่อตั้ง Tornado Cash ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐาน “สมคบคิดเพื่อดำเนินธุรกิจโอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ท่าทีของ DOJ ต่อการเขียนโค้ด

Galeotti ย้ำว่า DOJ จะดำเนินคดีเฉพาะผู้ที่ มีเจตนาก่ออาชญากรรม หรือ สนับสนุนการกระทำผิด เช่น การฉ้อโกง การฟอกเงิน และการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรเท่านั้น

เขายังอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมาย 18 U.S.C. 1960 ว่า

• หากซอฟต์แวร์มีความ กระจายอำนาจจริง (truly decentralized)
• ทำงานอัตโนมัติแบบ peer-to-peer
• และไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาถือครองหรือควบคุมสินทรัพย์ของผู้ใช้

จะ ไม่มีการอนุมัติฟ้องร้องตามมาตรา 1960(b)(1)(c)

อุตสาหกรรมคริปโตจี้ “คืนความยุติธรรมให้ Roman Storm”

หลังการแถลงของ DOJ Jake Chervinsky ประธานฝ่ายกฎหมายของ Variant Fund โพสต์ใน X ว่า “Roman Storm ถูกตัดสินผิดจากข้อหานี้โดยตรง ซึ่งตามหลักการใหม่นี้ DOJ ควรยุติคดีและคืนความยุติธรรมให้เขา”

การเปลี่ยนแปลงภายใต้รัฐบาลใหม่

ภายใต้รัฐบาล Biden ที่ผ่านมา DOJ ใช้นโยบายเข้มงวดต่อคริปโต แต่ภายใต้รัฐบาล Trump ชุดปัจจุบัน ท่าทีได้เปลี่ยนไปสู่การ ไม่ใช้กฎหมายอาญาเพื่อสร้างกรอบกำกับใหม่ โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลโดยตรง เช่น SEC และ CFTC

Galeotti สรุปว่า: “กระทรวงยุติธรรมจะไม่ใช้กฎหมายอาญามาสร้างระเบียบข้อบังคับใหม่ในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล แต่จะยึดหลักการบังคับใช้ต่อผู้ที่มีเจตนากระทำผิดจริง”

บทสรุป

ท่าทีล่าสุดของ DOJ อาจเป็นสัญญาณบวกต่อวงการคริปโตและนักพัฒนาบล็อกเชน เพราะสะท้อนความพยายามที่จะแยกแยะระหว่าง “นักสร้างสรรค์เทคโนโลยี” กับ “ผู้ก่ออาชญากรรม” อย่างชัดเจน ซึ่งอาจนำไปสู่กรอบกฎหมายคริปโตที่สมดุลและเป็นธรรมมากขึ้นในอนาคต

‍

อ้างอิง : theblock.co